Movetrip.com วันนี้ชวนมาเที่ยงเชียงใหม่ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ในช่วงเดือนตุลาคม กับที่พักแสนสบายที่ Kantary Hills Chiang Mai ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่น่าพักในเชียงใหม่ ด้วยทำเล ที่อยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ การเดินทางสะดวกสบาย และด้วยคอนเซ็ปต์ของโรงแรมในเครือ Kantary นั้น จะเป็นโรงแรมสไตล์ Service Apartment ซึ่งภายในห้องพักจะมี ครัว ซึ่งสามารถอุ่นอาหารหรือประกอบอาหารได้
เริ่มต้นการด้วยทางด้วยสายการบินแอร์เอเซีย จากท่าอากาศยานดอนเมือง
ทริปนี้เราจองตั๋วเครื่องบินไฟล์เช้า ได้เวลาขึ้นเครื่องก็นั่งรถบัสมาขึ้นเครื่องแบบนี้ นั่งหลับสักพักก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่ ไปรับรถที่ได้เช่าเอาไว้ แล้วเราก็ขับรถไปที่พัก ที่โรงแรม Kantary Hill Chiangmai เลย
แผนที่โรงแรมแคนทารี ฮิลล์ และถนนนิมมานเหมินทร์ สามารถดูได้ตามลิ้ง
เมื่อมาถึงโรงแรม เรามาชมห้องพักกันเลยดีกว่า
ภายในห้องพักนั้นกว้างขวาง เตียงนอนใหญ่ นอนสบาย
มีโซฟาตัวใหญ่ๆแบบนี้ไว้ในห้องให้ด้วย
บรรยากาศภายในห้องพัก ซึ่งสะดวกสบายมาก
ทีวีและชุดเครื่องเสียง
ครัวก็มีให้พร้อม มีทั้งไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง กระติกน้ำร้อน หม้อ ช้อนชาม
ภายในห้องน้ำตกแต่งแบบเรียบง่ายไม่มีอะไรหวือหวา
อุปกรณ์ภายในห้องพัก น้ำร้อนและไหลแรงดีมากค่ะ
ระเบียงห้องพัก ที่เป็นกระจก เพื่อคอยซับเสียง ผับที่อยู่ด้านหลังโรงแรม ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบ ระเบียงแบบนี้ เพราะ รู้สึกปลอดภัยดี
หลังจากชมห้องพักกันแล้ว วันนี้เราจองสปาไว้ใน Oasis spa chiang mai ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้ตามลิ้งนี้เลยค่ะ
และหลังจากทำสปาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยทริปนี้เป็นทริปสบายๆ จึงไม่อยากเดินทางไกล เน้นเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่มากกว่า ในวันแรกของการเดินทางเราจึงไปเที่ยวกันแค่ ดอยปุย และนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ค่ะ
ขับรถขึ้นเขามานิดนึงตามถนนขึ้นดอยสุเทพ ก็จะเจอกับจุดชมวิว ที่มีศาลา แวะพัก เราจึงแวะเพื่อชมวิวเมืองเชียงใหม่สักนิด
บริเวณศาลามีบริการวาดรูปเหมือนด้วย
และก็มีมาขายของที่ระลึกกันแบบนี้
จากจุดชมวิว เราก็ขับรถขึ้นมาแวะนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งสามารถเลือกเดินทางขึ้นมานมัสการพระธาตุดอยสุเทพได้สองทาง คือ เดินขึ้นลงบันได และ ใช้บริการลิฟท์ เราก็ไม่อยากเหนื่อยอ่ะนะ เลยใช้บริการลิฟท์ดีกว่าเร็วดี พอขึ้นมาด้านบน ก็เจอ น้องๆ ที่กำลังรอ โชว์รำ เลยถ่ายรูปน้องมากน่ารักดี
พระธาตุดอยสุเทพ คนเยอะมากๆ เลย
หลังจากนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ เรียบร้อยแล้ว เราจึงไปต่อกันที่ดอยปุย
บรรยากาศของดอยปุย ในอดีตเราเคยมา ตั้งแต่ยังอยู่ปฐม ในสมัยนั้น บ้านเรือนร้านค้ายังไม่มี เหมือนแบบนี้ เต็มไปด้วยดอกไม้ และดอกฝิ่น ออกดอกบายสวยเชียว แต่ในปัจจุบัน เต็มไปด้วยบ้านเรือนและร้านขายของ
เดินไปทางไหนก็เจอร้านขายของตลอดทาง ทางเดินภายในหมู่บ้านดอยปุยนี้ จะเป็นทางเดินเหมือนวงกลม ผ่านจุดที่ให้แวะชมท่องเที่ยว มุมนี้ ต้องเสียเงินค่าผ่านทาง 5 บาทค่ะ
หลังจากเดินทางร้านขายของต่างๆมา ก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ชาวเขา ซึ่งเป็นอาคารปลูกสร้างด้วยไม้ไผ่แบบนี้ ภายในจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ และประวัติของชาวเขา มาแล้วก็ต้องเข้าไปชมกันสักหน่อย
บรรยากาศก็ประมาณนี้ค่ะ มีของหลายอย่างให้ชม
มุมนี้จะบอกเล่าประวัติของชาวเขาเผ่าต่างๆ
อาวุธต่างๆ
ของใช้และอีกหลายๆอย่าง
พอออกจาก พิพิธภัณฑ์ ชาวเขา ก็เจอกับแปลงดอกไม้ ซึ่งช่วงที่เราไปนั้นเป็นเดือนตุลาคม ยังไม่ค่อยมีดอกไม้ออกดอกให้ชมมากนัก บางส่วนกำลังเริ่มปลูกใหม่อยู่
แต่ก็พอให้ชมบ้างเล็กน้อย
หลังจากชมแปลงดอกไม้เสร็จแล้ว ก็เดินวนลงมาอีกทางหนึ่ง
แต่ทางนี้จริงๆแล้วเค้าให้ขึ้นทางนี้ ซึ่งจะมีป้ายบอกทางแบบนี้ แต่เราเดินลงทางนี้แทนค่ะ
ของที่ระลึกเล็กน้อย อุดหนุนชาว เราซื้อมาหนึ่งตัวเห็นว่าน่ารักดี ในราคา 100 บาท ถือว่าไม่แพงนะค่ะ
หลังจากลงจากดอยปุยแล้ว เราจึงไปทานอาหารกัน ที่ร้านซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์ ซึ่งเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล มีอาหารหลายอย่างให้เลือก ตักเลือกทาน แต่ไฮไลน์ ของร้าน คือ ปูนึ่ง และกุ้งเผา ค่ะ
สำหรับใครที่จะมาร้านนี้แนะนำว่าให้มาก่อน หกโมงเย็น หรือมาตั้งแต่ห้าโมงเย็นได้ยิ่งดี เพราะว่า พอมืดแล้วคนเยอะ พอสมควร เราไปตอนห้าโมงเย็นคนน้อยตักอาหารสบายเลย
ขนมจีบจานนี้อร่อยมาก ถ่ายรูปติดแฟลชมาทำให้ภาพไม่สวย ทานไปถ่ายไป ไม่ได้สนใจความสวยงามของภาพเลย อ่ะ
ปูตัวใหญ๋มาก ล๊อตแรกปูสดมากเลย แต่ล๊อตหลัง เริ่มไม่สดเท่าไหร่แหะ นอกจากปูแล้ว ก็ยังมีกุ้งเผา ในส่วนของกุ้งเผานั้น สดมากๆ สรุปแล้ว อาหารทะเล ในราคา 299 บาท ต่อคน เราก็ว่าโอเคดีนะ รับได้ เพราะมีอาหารหลายอย่างให้เลือกรวมทั้งขนนมหวานให้ด้วย แต่ตอนหลังๆ คนเริ่มเยอะ ของเริ่มหมด เติมไม่ทันไปหน่อย
ทานอาหารเสร็จก็กลับมาโรงแรม กันดีกว่า เราจึงถ่ายภาพบรรยากาศตอนกลางคืนมาให้ชมกันค่ะ เพราะว่า ตอนกลางวันไม่มีเวลาถ่าย และคนเดินไปเดินมา ทำให้ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพ จึงเก็บภาพบรรยากาศของล๊อบบี้ มาให้ชมในตอนกลางคืนแทน
ด้านหน้าโรงแรม
ทางเดินเข้า โรงแรม
ห้องอ่านหนังสือ มาคราวนี้ไม่ได้ใช้บริการเลย
ห้องอาหาร ซึ่งทางอาหารเช้าที่ห้องนี้ค่ะ
บรรยากาศโรงแรม นั้นเราว่าตกแต่งได้สวยงามมากเลยค่ะ
บรรยากาศภายในล๊อบบี้ ข้อดีของ Lobby ที่นี่คือ มีโซฟา ให้นั่งอ่านหนังสือ หรือนั่งเล่นได้หลายมุม เพราะ ว่า จะมี ฟรีไวไฟ เฉพาะโซนล๊อบบี้ และเล้าท์ เท่านั้นค่ะ หากจะใช้ wifi ในห้องจะมีค่าบริการค่ะ
บรรยากาศโซฟาที่มีให้เลือกนั่งได้ตามสบาย
เดินมาถ่ายห้องอาหารตอนกลางคืนแทน เพราะตอนอาหารเช้า ไม่มีเวลาถ่าย
บรรยากาศโดยรวมทั้งหมด ของห้องอาหาร
ทางเดินเข้าห้องค่ะ เนื่องจาก เราได้ห้องพักชั้นบนสุด เป็นชั้นแต่ต่อเติมใหม่ ทำให้ ลิฟท์จะไปไม่ถึง ต้องเดินขึ้นบันไดมาอีกหนึ่งชั้น
สระว่ายน้ำ แบบมาตรฐาน
Fitness
ต่อไปมาชมอาหารเช้ากันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลา อาหารเช้า มีเยอะ และหลากหลายดี ผักสลัดสดมาก มีเมนูอาหารญี่ปุ่น และข้าวต้มให้ด้วย โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นอร่อยมากเลยค่ะ
ไลน์อาหารเช้าค่ะ
นอกจากอาหารเช้าจะอร่อยแล้ว เบอเกอรี่ ก็อร่อยมากๆเลยค่ะ
ตรงนี้เป็นมุม สั่งอาหารประเภทไข่ และไส้กรอกเบคอน ค่ะ
เบเกอรี่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ
สลัดที่ตักมา ผักสลัดสดและกรอบอร่อยมากเลยหล่ะ
อาหารเช้าของเราในวันนี้
ปิดท้ายด้วย มุมผักสลัดสดๆ กรอบๆ และน้ำสลัด หลายรสชาติ
หลักจากมื้อเช้าแล้ว เราก็ไม่ได้ไปไหน ใช้เวลาอยู่แต่ในเมืองเท่านั้น จากนั้นก็ไปเดินเล่นถนนคนเดิน ท่าแพ เชียงใหม่ ลองติดตามชมรีวิวกันได้ค่ะ
สรุป ข้อดี 1. ห้องพักสะอาด กว้างขวาง มีอุปกรณ์ภายในห้องพักให้พร้อม มีเครื่องเสียงที่สามารถเล่นแผ่นหนังและฟังเพลงได้
2. ภายในห้องพักมีครัว สามารถประกอบอาหาร หรืออุ่นอาหารได้
3. อาหารเช้าอร่อย และมีหลายอย่างให้เลือกทาน
ข้อเสีย คือ ไม่มีบริการ wifi ให้ใช้ภายในห้องพัก หากจะใช้ wifi ต้องลงมานั่งเล่นที่ล๊อบบี้
สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปชมห้องพัก และติดต่อได้ตามที่อยู่นี้
Kantary Hills Hotel Chiang Mai Hotel and Serviced Apartments
โรงแรมแคนทารี ฮิลล์ เชียงใหม่
ที่อยู่ : 44, 44/1-2 ถนนนิมมานเหมินทร์, ซอย 12, ตำบลสุเทพ, อำเภอเมือง, เชียงใหม่ 50200 ประเทศไทย
โทร : +66 53 22 2111 แฟกซ์ : +66 53 40 0877 Call Centre โทร. 1627
เว็บไซต์ : kantarycollection.com ดูแผนที่ จองเลย