จิบกาแฟ แชร์รอยยิ้มเที่ยวเชียงราย ข้ามไปท่าขี้เหล็ก ชมไร่กาแฟดูกระบวนการผลิตกาแฟบนดอยช้าง กับ CP ALL

 

สวัสดีค่ะ รีวิวนี้เป็น การเดินทางไปเที่ยวเชียงราย กับ CP ALL ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ ทาง CP ALL ร่วมกับ PANTIP.COM พาผู้โชคดีจากการร่วมสนุก
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จัดทริป สุดพิเศษ พาบินลัดฟ้า ไปเที่ยวเชียงราย จิบกาแฟ แชร์รอยยิ้ม ชมไร่กาแฟ และศึกษากรรมวิธีการผลิตกาแฟ บนดอยช้าง
 แหล่งผลิตกาแฟ แหล่งใหญ่ของประเทศไทยและเราก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ค่ะ
ก่อนที่จะไปชม ทริป จิบกาแฟ แชร์รอยยิ้ม ตามรอยกระบวนการผลิตกาแฟ จากไร่บนดอยช้าง จังหวัดเชียงราย 
เรามาทำความรู้จัก ALL CAFE กาแฟอร่อยๆ คุณภาพดี ราคาไม่แพง 
จากร้านสะดวกซื้อที่เรารู้จักกันดี ใน 7-Eleven  นั้นมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง
ALL CAFE เริ่มก่อกำเนิดมาจากแนวคิด ที่ต้องการเมล็ดกาแฟพันธุ์ดี 2 สายพันธุ์ มาผสมผสานรวมกันอย่างลง ได้แก่
– สายพันธุ์อาราบิกา 80 เปอร์เซ็นต์ ส่งตรงจากดอยช้าง จังหวัดเชียงราย
– สายพันธ์ุโรบัสต้า 20 เปอร์เซ็นต์ จากจังหวัดชุมพร แหล่งปลูกกาแฟ สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ซึ่งกาแฟทั้ง 2 สายพันธุ์เป็นกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยมและสามารถนำมาทำเมนูให้เลือกสรร อย่างหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นเมนูเย็น ร้อน ปั่น สดใหม่ได้มาตรฐานทุกแก้ว 
ขอขอบคุณภาพจาก IG: caffemuanchon
นอกจาก ALL CAFE แล้ว ยังมี กาแฟมวลชน ซึ่งเป็นโครงการกาแฟ สร้างอาชีพ โดย ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานผู้บริการ ทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์  , รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีพี รีเทลลิ้งค์ จำกัด 
ผู้ริเริ่มโครงการอบรมกาแฟสร้างอาชีพ เพื่อสังคม และชุมชนภายใต้วัตถุประสงค์ การสร้างอาชีพ ผู้ประกอบการร้านกาแฟ ให้มีมาตรฐาน ลดจำนวนคนว่างงานกระตุ้นให้ตลาดธุรกิจกาแฟ ขยายตัว ช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจ ของประเทศ และยกระดับ มาตรฐานกาแฟไทยสู่ระดับสากล โดยมีการจัดฝึกอบรมไปแล้ว กว่า 65 รุ่น โดยรวมประมาณ 7000 กว่าคน 
 
โดยเป็นการอบรมฟรี:: ไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่มีเขื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุน คนในชุมชมสังคมให้มีรายได้ รวมถึงการลดพื้นที่การเพาะปลูกที่เกิดจากการเผาทำลายป่า ให้กลับมามีความสมบูรณ์ดังเดิม ด้วยการปลูกกาแฟทดแทน และพัฒนาความรู้สร้างอาชีพให้แก่ชุมชมและสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เรามาเริ่มต้นการเดินทางสำหรับทริปนี้กันเลยนะค่ะ สำหรับทริปนี้ เรียกได้ว่าเป็นทริปสุดพิเศษจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้เดินทางไปคนเดียวแบบไม่ต้องมีคนติดตาม ในตอนแรกก็กังวลใจ ที่จะไปกับคนไม่รู้จัก กังวลไปต่างๆนาๆ แต่ปรากฏว่า พอไปเจอเพื่อนร่วมทริปแต่ละคนแล้ว ความกังวลหายไปทันที เพราะทั้งทีมงาน และเพื่อนร่วมทริปทุกคนน่ารักมากกกก ๆๆๆๆ สำหรับทริปนี้ ขาไปเดินทางด้วยสายการบิน ไทยสไมล์ ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ใกล้บ้านด้วย ชอบมากๆเลย
สำหรับทริปนี้ ภาพถ่ายอาจจะไม่สวยนะค่ะ เพราะเราไปในฐานะผู้โชคดี เลยไม่ได้เตรียมกล้องไป ภาพทั้งหมดมาจากกล้องมือถือ Sumsung Galaxy K-Zoom ทัั้งหมดเลยค่ะและนี้ก็เป็นครั้งแรกของการขึ้นเครื่องไทยสไมล์ บริการดีไม่แพ้สายการบินไหน เสริฟขนม เสริฟน้ำ แม้ว่าจะไม่ได้เสริฟ อาหารก็ตาม
 
นั่งเครื่องมาได้สักพัก ก็ถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระหว่างรอรับกระเป๋ามีกางแสดงโชว์ดนตรีไทยจากเด็กๆ ให้ฟังด้วยค่ะ 
พอออกจากสนามบินปุ๊บ คณะเดินทางของเรา ก็มาเที่ยวกันที่ไร่ชาฉุยฟง 
มาเชียงรายตั้งหลายครั้งก็เพิ่งเคยมาที่นี้เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกัน 
ไร่ชาฉุยฟง สำหรับที่เรามานี้ จะอยู่ที่อำเภอแม่จัน เป็นไร่ชาแห่งที่ 2 
ซึ่งไร่ชาที่นี่สวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ภายในไร่กว้างใหญ่ 
และยังมีบริการ ชา กาแฟ ขนมเค้ก อาหาร แสนอร่อย สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย 
การเดินทางนั้นก็ค่อนข้างสะดวกเป็นถนนลาดยางและไม่คดโค้งจนเกินไป 
ตลอดทาง จะเห็นไร่สับปะรดอยู่ตลอดสองข้างทางอีกด้วยค่ะ
ดูดชา ยิ้มหน้าบาน กลางไร่ชาฉุยฟง เค้กต่างๆที่นำมาเสริฟ อร่อยทุกอย่างเล่นค่ะ กลุ่มของเรา สั่งมาแล้วเอามาแบ่งกันทาน 
เลยทำให้ได้ทานทุกรสชาติเลย อ๋อลืมบอกไปว่า พอมาถึงสนามบินเชียงรายแล้ว มีการแบ่งกันเป็นกลุ่ม
เพื่อแข่งขันทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ไม่ได้เที่ยวกันเฉยๆ ทำให้เป็นที่สนุกสนานกันใหญ่
มุมนี้ ถ้ามาตอนเย็นๆ แดดไม่ร้อน นะวิวสวยมาก แต่ตอนที่ไปแดดยังร้อนอยู่ เลยไม่มีใครไปนั่ง
บรรยากาศเพื่อนร่วมทริป ถ่ายรูปกันสนุกเชียว
อาคารด้านบนเป็นโรงงานและร้านอาหารที่เรานั่งกันค่ะ
ออกจากไร่ชา ก็ไปกันต่อที่แม่สาย เพื่อจะข้ามแดนไปเที่ยว ช๊อปปิ้งกันทางฝั่งพม่า
แต่กองทัพต้องเดินด้วยทาง จึงแวะทานอาหารจีนอร่อยๆ กันก่อนที่ ภัตตาคารอาหารหยินปิงยูนนาน
มาดูกันว่ามีอะไรน่าทานบ้าง อาหารอร่อยๆเต็มโต๊ะเลย ค่ะ ภัตตาคารหยินปิงยูนนาน
 เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
 เป็นร้านอาหารจีนสไตล์ยูนนาน เป็นร้านลักษณะตึกแถวสองคูหา รสชาติอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หากคนชอบรสจัด
 อาจบอกว่า จืดไปนิด ค่ะ แต่ถ้าคนชอบอาหารไสตล์อาหารจีน ก็ต้องบอกว่าอร่อยดีค่ะ
หลังจากทานอาหารอิ่มกันเรียบร้อย ก็เดินทางกันต่อ แต่คราวนี้ เปลี่ยนจากรถตู้มาขึ้นรถบัส 
เพื่อข้ามไปฝั่งพม่า ระหว่างรอข้าม ก็มีการพูดคุย แนะนำตัวกัน นิดหน่อย ใครกันนะ?
บรรยากาศ ร้านค้าฝั่งไทย เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เดินเล่นฝั่งนี้ 
เดี๋ยวมีโอกาส จะกลับไปแม่สายอีก เพราะยังรู้สึกว่า ช๊อปปิ้ง ยังไม่อิ่มเลย

 

ข้ามไปฝั่งเพื่อนบ้านกัน สถานที่แรกที่แวะคือ วัดพระหยกขาว พระสามมิติ 
ตอนแรกเราก็งงๆ ว่าทำไมต้อง สามมิติ 
แต่จากคำบอกกล่าว ของไกด์ ก็บอกว่า หากเราเดินมองพระพุทธรูป 
แล้วเดินไปมา จะเห็นว่า พระพุทธรูป จะมองตามตามเราตลอดเวลา 
แต่เราก็ไม่ได้ลอง ดูเหมือนกัน มัวแต่ถ่ายรูป อยู่

 

จากวัดพระหยกขาว สถานที่ต่อไปคือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง จำลอง ซึ่งจำลอง ย่อลง 5 เท่าจากของจริง อันที่จริง ของจำลอง
 เราก็ว่าใหญ่แล้ว นะ ถ้าของจริงใหญ่กว่ากัน 5 เท่านี่คงจะใหญ่เอามากๆ เลยหล่ะ ส่วนตัวเราก็ยังไม่เคยไปเจอของจริง เลยมาสักการะ จำลอง ไปก่อน 
สำหรับ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง จริง นั้นอยู่ที่ เมืองย่างกุ้ง ประเทพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น
 บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 76 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด
 มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์

 

 

 

 
เมื่อรถบัสของเรามาจอดปุ๊บ ก็จะมีแม่ค้า มาขายดอกไม้ สิ่งที่สังเกตุเห็นเป็นเอกลักษณ์ คือ การปะแป้ง ทานาคา 

 

 


เมื่อได้ดอกไม้แล้ว ก็เดินไหว้สักการะ พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อสิริมงคล จากนั้นก็มาชม วิว รอบๆ พระมหาเจดีย์ กัน
วิวเมืองของประเทศพม่า ค่ะ
หลังจากไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาของการช๊อปปิ้ง
 บรรยากาศตลาดท่าขี้เหล็ก ซึ่ง ก็มีทั้ง ร้านถูก ร้านไม่ถูก ปนๆกันไป 
แต่สำหรับเรานั้น ไปช๊อปปิ้งกระเป๋า กับ แว่นตา มาอย่างละอัน 
เดินชมโน้นนี่เพลินๆ ในเวลาอันจำกัด เดินไปเดินมา 
กลุ่มเราหายไปไหนกันหมดไม่รู้ เลยเดินซื้อของได้สักพัก
 ก็เลยได้กระเป๋า มาสองใบ แว่นตาอีกหนึ่งอัน อย่างละ 100 บาท 
สำหรับแว่นตานั้นถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ประทับใจ ไว้มีโอกาส จะกลับไปซื้อใหม่อีกหลายๆอัน
 พอขึ้นรถมาแล้ว เสียดายยยยยย ทำไมไม่ซื้อเพิ่มนะ
พอเดินช๊อปปิ้งเสร็จ มองหาใครก็ไม่เจอ 
เลยเดินกลับไปที่จุดนัดพบดีกว่า ที่จุดนัดพบก็คือ 
อนุสาวรีย์ พระเจ้าบุเรงนอง ภายในมีการปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น 
แต่ที่นั่งไม่ค่อยจะมีมากนัก และเก็บค่าเข้า คนละ 5 บาท 
สักพักก็ขึ้นรถบัส กลับมาฝั่งไทย 
เปลี่ยนเป็นรถตู้เหมือนเดิม แล้วก็เดินทางต่อไปดอยช้าง 
บรรยากาศโพล้เพล้ แบกทองไปรอของอร่อย บนดอย
 ณ เวลานี้ หลายๆคนก็นอนพักเอาแรง งีบหลับกันเป็นแถว
ถึง ดอยช้าง อาหารเตรียมรอไว้แล้ว อากาสเย็นๆ หนาวๆ เล็กน้อย เรียกได้ว่า ดอยช้าง อากาศเย็นตลอดปี 
กลุ่มเราจัดการเต็มที่ มองไปกลุ่มบล๊อคเกอร์  HOT ยังถ่ายภาพกันอยู่เลย 

 

แต่ของเรา กลุ่มผู้โชคดี จัดกันไปไม่ต้องคอย

 

ระหว่างทานอาหารกัน ก็มีกิจกรรมแนะนำตัว และอธิบายรายละเอียด เกี่ยวกับกาแฟ All Cafe ถึงที่มาที่ไป 
เดี๋ยวจะมาสรุปให้ฟัง ตอน เริ่มมีสาระ อ่านกันไปเรื่อยๆนะค่ะ
กิจกรรมต่างๆเรียบร้อยแล้ว กินอิ่ม หนังท้องตึก ตัวเหนียว
 เลยได้เวลา ขึ้นห้อง มีสับสนห้องกันสลับห้องกันเล็กน้อย ห้องที่เราพัก เป็นแบบนี้ค่ะ
 
ตัดมาที่บรรยากาศยามเช้า ริมระเบียงหน้าห้อง
 เสียดาย ว่าช่วงที่ไป อากาศยังไม่หนาวจับใจ
 แค่เย็นเล็กน้อย มีสาวสวย ข้างห้อง มายืนถ่ายรูปริมระเบียงด้วย
บรรยากาศอีกฝั่งหนึ่ง ชมวิวยามเช้า พร้อมด้วย ผ้าพันคอ
 เป็นของที่ระลึก จาก เซเว่นอีเลฟเว่น ที่เอามาวางไว้ในห้องให้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ไหนๆ เมื่อเป็น บล๊อคเกอร์ ชอบรีวิวโรงแรมแล้ว ก็เลยไม่พลาดที่จะรีวิว ดอยช้างฮิลล์ รีสอร์ท รีสอร์ทดีๆบนดอยช้าง
 แม้ว่าจะไม่ได้เห็นวิวเต็มๆ แต่เพราะไม่เคยไปนอนที่ไหนบนดอยช้าง เคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
 คงเปรียบเทียบที่ไหนไม่ได้ แต่ก่อนเดินทางมาที่นี่ หาข้อมูลมาบ้างว่าเป็นรีสอร์ทที่ดี บนดอยช้าง 
 

 
ลักษณะ ตำแหน่งของดอยช้างฮิลล์ รีสอร์ท จะสร้างลดหลั่น กันบนเขา ซึ่งก็จะมีบันไดเดินขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นห้องพักเป็นหลังๆ 
 
 
เดินมาด้านบนก็จะเห็น ห้องพักแบบนี้ 
 

 
มีโต๊ะม้าหินให้นั่งเล่น ชมวิว 
 

 
ตรงนี้เป็นลานจอดรถ จอดรถได้พอสมควร และก็ห้องอาหาร ที่เราทานอาหารกันเมื่อคืนตรงนี้ค่ะ
 

 
ถนนด้านหน้ารีสอร์ท เดินออกมาเล่นหน้ารีสอร์ทกัน เพราะมีเพื่อน คนสวย บอกว่า ตอนเช้าๆ เดินไปอีกนิด
 จะมีทะเลหมอก เราเลยไปบอกคนอื่นๆว่าจะไปชมทะเลหมอก ก็มีคนตามออกมากันด้วย โดยเฉพาะ พ่อหนุ่มตี๋หล่อใส่แว่น
แต่ๆๆๆๆ ม่ายยย มี เจอแต่ ต้นกาแฟ มองไปทางไหนก็ต้นกาแฟ เหมาะกับจุดประสงค์ในการมาจริงๆ
 มาดูกาแฟ ที่ดอยช้าง หันมาอีกที พ่อหนุ่มตี๋หล่อใส่แว่น เดินกลับไปแล้ว ไอเราก็คิดว่าจะมาเป็นบอดี้การ์ด ให้กลุ่มสาวๆ สักกะหน่อย 5555
 

 
จึงพากันเดินกลับมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
 

 
บรรยากาศด้านหน้ารีอสร์ท ม่ีแต่คนออกมาถ่ายรูปกัน แต่เราไปหาอะไรกินดีกว่า หิวแล้ว
 

 
บรรยากาศอาหารเช้านี้ มีไข่ดาวซีพี กับไส้กรอกซีพี รสชาติแบบนี้หาซื้อได้ที่เซ่เว่น อีเลฟเว่น รสชาติคุ้นเคย 
 

 
อาหารเช้าของเรา คือว่าอร่อยดีงามมาก เพราะทาง CP ALL กลัวว่า อาหารเช้าจะมาพอเลยจัดมากันเต็มอิ่ม 
ไส้กรอก แซนวิสแฮมซีสของโปรด ตอนนี้ที่เซเว่นมีโปรโมชั่น ซื้อ 7 แถม 1 ด้วยนะ 
อย่าลืมขอคุปองปั๋มตรายางแซนวิส เวลาไปซื้อ
 
ส่วนแก้วเล็กๆ แก้วนี้คือ กาแฟขี้ชะมด ไม่ขอบรรยายว่ารสชาติเป็นยังไง 
แล้วแต่รสนิยม ลองไปหาดื่มกันเองแล้วกันเนอะ
 

 
เมื่อลองชิมกาแฟ ขี้ชะมดแล้ว ก็เลยเดินมาดูผู้ผลิตกาแฟ สักหน่อย ตัวนี้ เป็นตัวเล็ก ยังไม่ได้ผลิต ผุ้ผลิต เค้าหลบอยู่ในกรงใหญ่
 
 
เมื่อทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ร่ำลา ชะมดน้อย ต่อไป ก็เป็น ไฮไลท์ สำคัญ ของทริป จิบกาแฟ แชร์รอยยิ้มนี้แล้วค่ะ
 ต่อไปเป็นหมวดมีสาระ 
ขอพาท่านไปชมกรรมวิธีผลิตกาแฟ ที่ต้องบอกว่ากว่าจะได้กาแฟ มาดื่ม อย่างที่เราๆท่านๆ ดื่มกันทุกวันนี้ 
ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ต้องผ่านกระบวนการ ขั้นตอนหลายอย่าง กว่าจะได้กาแฟ หอม ๆ รสชาติดี ๆ 
 

 
เริ่มจาก มาทำความรู้จักชนิดของกาแฟกันก่อน
 โดยกาแฟที่สามารถปลูกได้ดีบริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกมี 2 สายพันธุ์หลัก
 คือ กาแฟอาราบิก้า และกาแฟโรบัสต้า
 และภาพประกอบคร่าวๆ ของการเดินทางของกาแฟ จากผู้ผลิต สู่ ผู้บริโภค
 

 
เราเดินทางจากรีสอร์ท มาที่ โรงงานผลิตกาแฟ
 โดยมีวิทยากร กิติ มา ศักดิ์ ที่มาช่วยอธิบายกระบวนการผลิตกาแฟ ของเราในวันนี้ 
ก็คือ ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ตำแหน่ง>>>(เลื่อนไปดูด้านบนเพราะยาวมาก จะยาวไปไหนค่ะ?)
และ คุณอั๋น เจ้าของโรงงานผลิตกาแฟ 
 

 
ผลกาแฟจากต้น ซึ่งจะเริ่มสุกเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
 ประมาณปลายๆเดือนตุลาคม ถึงประมาณเดือนมกราคม ของทุกปี
 

 

ขั้นตอนการผลิตกาแฟ 

การผลิตกาแฟนั้นค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร และต้องพิถีพิถันเป็นอย่างดีเพื่อให้ได้คุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด

 
เริ่มกระบวนการ จากต้นกาแฟ ที่ปลูกบนดอยช้าง จะมีเกษตรกร นำผลกาแฟสดที่เรียกว่าเชอรี่
นำมาส่งให้กับโรงงานเนื่องจากกาแฟที่ปลูกบนดอยช้าง สายพันธ์ต่างจากดอยอื่นทำให้กาแฟบนดอยช้างมีเอกลักษ์ ชัดเจน 
ซึ่งก็จะมีกาแฟ อาราบิก้า สายพันธ์แคททูล่าซึ่งมีมากบนดอยช้าง และยังมีสายพันธุ์คาทุย และคาร์ติมอปะปนมาบ้าง 
โดยเมื่อได้ผลกาแฟมานั้น ก็ต้องรีบนำมาเข้ากระบวนการผลิต มิฉะนั้นผลกาแฟจะเสีย ไม่ได้คุณภาพ
 
เมื่อนำมาชั่งกิโลตรวจสอบแล้ว ก็จะนำใส่บ่อ เรียกง่ายๆว่า บ่อสปา และใช้น้ำฉีดล้าง 
 
กาแฟจะไหลลงไปในบ่อด้านล่างบ่อน้ำด้านล่างนี้จะตรวจสอบเมล็ดกาแฟที่ลอยน้ำหากเมล็ดไหนลอยน้ำก็แสดงว่าเป็นเมล็ดที่ฝ่อไม่ได้น้ำหนัก 
 
เมล็ดที่ฝ่อนี้ก็จะนำไปออกถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพต่ำเมล็ดกาแฟคุณภาพต่ำเหล่านี้ก็จะถูกคัดแยกไปไว้อีกบ่อ 
 


เจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกกาแฟที่ลอยน้ำ พร้อมกับเศษใบไม้ ต่างๆ ที่อาจตติดมากับเมล็ดกาแฟได้ จากนั้นก็ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้เปลือกกาแฟนิ่มขึ้น
 

 
ปริมาณกาแฟในบ่อ
 

 
หลังจากนั้นก็จะนำมาเข้าเครื่องคัดแยกคุณภาพเมล็ดกาแฟ แล้วจึงส่งไปเข้าเครื่องกระเทาะเปลือก
 จะสังเกตุได้ว่า มาถึงตรงนี้จะเป็นกาแฟเมล็ดคุณภาพ สีสันยังสวยงามอยู่


 
เมล็ดกาแฟคุณภาพที่ล้างและคัดแยกคุณภาพเรียบร้อยแล้ว จะถูกส่งเข้าเครื่องกระเทาะเปลือก
 ตัวเมล็ดกาแฟจะถูกสงไปอีกบ่อด้านล่าง ส่วนเปลือก ก็จะถูกกระเทาะออกมา จากภาพจะเห็นเจ้าหน้าที่กำลังโกย เปลือกกาแฟออกมา
 

 
เปลือกกาแฟเหล่านี้ จะถูกดูดขึ้นมาใส่รถ เพื่อให้เกษตรกร นำเอาไปยังบ่อด้านหลัง 
เพื่อให้เกษตรกรนำไปทำปุ๋ย ใส่ต้นไม้ต่างๆได้อีก เห็นว่าปุ๋ยเปลือกกาแฟนี้ ใส่ต้นไม้ได้งอกงามดีจริงๆ
 

 

 
กาแฟที่สีเปลือกแล้ว ก็ต้องเอามาแช่ที่บ่อพักอีก 1 คืนเพื่อย่อยสลายเมือกลื่นๆ ที่ยังคงติดอยู่บนผิวกาแฟ 
 โดยในขั่นตอนนี้ ก็จะมีการช้อนเอาเมล็ดกาแฟที่ลอยน้ำ เป็นกาแฟที่ไม่ได้คุณภาพออกไปอีกด้วย
 

 

 
หลังจากที่แช่ล้างเมือกในบ่อพัก 1 คืนแล้ว เมล็ดกาแฟ ก็จะถูกลำเลียงยังบ่อถัดไปเพื่อ เข้าเครื่องขัดเมือก 
เมื่อขัดเสร็จแล้ว ก็จะถูกส่งมาที่บ่อสุดท้ายเพื่อที่จะล้างกาแฟให้สะอาดซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ยังคงจะต้องคอยตรวจสอบไม่ให้มีเปลือกเมล็ดกาแฟ
 ติดปะปนออกมาเมื่อเห็นว่ามีก็ต้องคอยช้อนเอาเปลือกกาแฟที่หลงมาออกไป
 


 
เมื่อได้กาแฟคุณภาพที่ขัดล้างคัดคุณภาพเรียบร้อยแล้ว เมล็ดกาแฟ
 
 ก็จะถูกดูดมาใส่บ่อซีเมนต์แล้วถูกลำเลียงใส่รถ นำไปเข้าสู่กระบวนการทำให้แห้งต่อไป
 

 
มาถึงกระบวนการทำให้กาแฟแห้ง ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะถ้ากาแฟ ไม่แห้งตามมาตรฐาน จะทำให้กาแฟเกิดเชื้อรา 
ทำให้กาแฟเสีย ไม่ได้มาตรฐาน โดยปกติทัวไป
การตากกาแฟ มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าที่ไหน จะใช้การตากแบบใด เราเคยไปดูที่โครงการหลวง จะมี ตู้อบกาแฟ บ้าง กระโจมอบบ้าง 
หรือบางที อาจจะตากบนลานตากกาแฟ แต่สำหรับที่นี้ จะใช้เครื่องอบกาแฟ
ซึ่งได้มาการสั่งนำเข้า มาอบกาแฟ ให้กับทางโรงงานโดยเฉพาะ เพราะต้องมีกาแฟปริมาณมาก 
ช่วยย่นระยะเวลาให้การทำให้แห้ง และกาแฟยังได้คุณภาพอีกด้วย
เมล็ดกาแฟ จะถูกนำมาใส่ในบ่อ แล้วถูกดูดด้วยท่อกลมๆ เข้าไปในเครื่องด้านบนเครื่อง แล้วจะถูกเป่าด้วยลมร้อน
 โดยพลังงานความร้อนจากไม้ลิ้นจี่ ซึ่งเป็นไม้ที่มีคุณภาพในการทำฟืนให้พลังงานความร้อนได้ดีและยาวนาน
 
หลังจากอบเสร็จแล้ว กาแฟ ยังไม่แห้งดี 100 เปอร์เซ็น ต้องนำไปตากอีกประมาณ 2 วันแล้ว เมื่อได้ค่าความชื้นแห้งตามมาตรฐานแล้ว
 กาแฟจะถูกนำใส่กระสอบ ไปบ่มทิ้งไว้ในโกดังอีกประมาณ  6 – 8 เดือน
แล้วจึงนำไปเข้าเครื่องสีเปลือกกะลา หรือประมาณเหมือนกับการสีข้าวเปลือก แล้วจึงมาคัดแยกคุณภาพของกาแฟกะลา 
อีกครั้งเพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพอย่างแท้จริง แล้วจึงจะนำไปคั่วให้หอมพร้อมนำมาชงกาแฟได้
จึงจะเห็นได้ว่า ขั่นตอนต่างๆ กว่าจะมาเป็นกาแฟให้ได้ดื่ม หอมๆ นั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยจริงๆ  
โดยกว่าจะมาเป็นสารกาแฟพร้อมคั่ว 1 กิโล จะต้องใช้กาแฟเชอรี่ ถึง 6 กิโลกกันเลยทีเดียว
 

 
หลังจากนั้นเราจึงเดินไปดูด้านหลังของโรงงานกันต่อ เพื่อที่จะไปชมบ่อบำบัดน้ำ 
เดินผ่านบ่อ เปลือกกาแฟ ซึ่งทุกๆวันจะมีเกษตรกร มาเอาไปทำปุ๋ยต่อไป


 
ส่วนนี้คือ บ่อบำบัดน้ำ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คุณอ๋าได้สร้างไว้เพื่อที่จะบำบัดน้ำ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่ใช่น้ำเสียเลย
 รูปด้านบนเป็นบ่อแรก น้ำที่ไหลลงสู่บ่อ กลับมีต้นไม้เจริญงอก ออกมาซะงามเชียว
เท่ากับว่าน้ำที่ล้างกาแฟ ต่างๆนั้นไม่ได้เป็นน้ำเสียจากสารเคมี แต่กลายเป็นน้ำปุ๋ยดีๆ นี่เอง
 

 
หลังจากชมกระบวนการผลิตกาแฟเรียบร้อยแล้ว เราขึ้นรถเพื่อไปชมไร่กาแฟ กันต่อ
 หนทางที่ไปนั้นต้องคนชำนาญทางเท่านั้นจริงๆ เพราะทังคดเคี้ยวเลี้ยวลด และขึ้นเขา
 

 
และแล้วเราก็มาถึงไร่กาแฟ มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นกาแฟ กำลังออกลูกสีแดงเหลือง
 

 
ผลกาแฟเชอรี่จากต้น ที่มีทั้งสีแดง และสีเหลืองทอง
 

 
ช่วงต่อไปเป็นการเดิมชมไร่กาแฟ ไม่รู้ว่าเดินกันไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าสนุกดี
 

 
 
ทั้งเดินลงเขา เดินขึ้นเขาลงเนิน หอบรับประทานกันเป็นแถว แต่สิ่งที่ได้คือ เราได้เห็นต้นกาแฟ ได้เห็นไร่กาแฟสุดลูกหูลูกตา 
เพราะดอยช้างเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของประเทศไทย ที่มีการผลิตส่งออก นำรายได้กลับประเทศมาอย่างมากมาย
 

 
หลังจากชมไร่กาแฟกันเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมากันที่ แพล้นท์ มาทานอาหาร 
พร้อมชมวิวดอยช้างสวยๆ เก็บภาพความประทับใจ ก่อนจะกลับ 
 

 

 

 
วิวของหมู่บ้านดอยช้าง
 

 
อาหารมื้อนี้ ขอบอกว่าเป็นมื้อที่อร่อยมาก เลยค่ะ
 

 
ได้เวลาแล้วก็ถึงเวลาไปต่อ ระหว่างทางที่ลงจากดอยช้างก็ชมวิวไปเรื่อยๆ แชะ
มาให้ชมกันสัก หนึ่งภาพ ตอนขาขึ้นดอย ทางมืดมองไม่เห็นวิว พอขากลับวิวสวยมากๆเลยค่ะ
 

 
หลังจากนั้นเราก็มาแวะกันที่ 7-eleven สาขาท่าล้อ จังหวัดเชียงราย เพื่อชมและชิมกาแฟ All Cafe แสนอร่อย 
และราคาไม่แพง คาปูชิโน่ปั่น ที่เราชอบสั่งแก้วละ 35 บาทเท่านั้นเอง
 

 
กาแฟคั่วหอม พร้อมนำมาบดและชงให้เราได้ดื่มกันค่ะ จากวิธีการผลิตต่างๆ ที่ได้ให้ดูกัน
 สุดท้ายก็จะเป็นแบบนี้ แล้วจึงนำมาบดพร้อมชงดื่มค่ะ
 

 
จุดหมายต่อไป ของเราคือ วัดร่องขุนค่ะ มาเชียงรายทั้งที ก็พลาดไม่ได้ที่จะแวะมาชมความสวยงามของวัดร่องขุน
 ไม่ได้แวะมาเที่ยวซะหลายปี สวยขึ้นเยอะเลย

 

 

 

 

 
เดินไปทางหลังเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ เห็นทางวัดกำลังสร้างอะไรอีกหลายอย่าง เลยค่ะ
 

 
ความงดงามของวัดร่องขุนที่น่าไปเที่ยวกัน
 

 
อีกสักมุมก่อนจะเดินทางต่อ
 

 
จากนั้นเราก็ไปกันต่อที่ ร้านชีวิตธรรมดา เชียงราย ชื่อร้านบอกว่าธรรมดา แต่ พอเข้าไปใช้บริการแล้วไม่ธรรมดา เพราะเป็นร้านบรรยากาศดี ริมแม่น้ำกก 
 

 
ภายในร้านตกแต่งได้สวยงาม น่ารัก มีทั้งโซนในร้าน และนอกร้าน จะนั่งมุมไหน ก็ได้บรรยากาศที่ดีทุกมุม
 

 
ในส่วนของอาหารและขนม นั้นก็ดูตามภาพเลยค่ะ มีหลากหลายอย่าง แต่ที่แนะนำ ก็คือ ขนมปัง โทส ที่แย่งกันทานอยู่ในภาพ
 และก็น้ำผึ้งมะนาวบ๊วย ที่ดื่มแล้วสดชื่นหายเหนื่อยจริงๆ
 

 
อิ่มอร่อยกับ ของว่างยามบ่ายกันแล้ว เราก็ไปเที่ยวกันต่อที่วัดห้วยปลากั้ง ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนจบทริปนี้ ถ้าไม่นับรวมแวะไปซื้อของฝากกัน 
เป็นครั้งแรกที่มาที่วัดนี้เหมือนกันค่ะ เป็นวัดที่อยู่บนเนินเขา เราไปกันช่วงเย็น บรรยากาศรอบๆวัดจึงดีเอามากๆ
ลมพัดเย็นสบาย อากาศกำลังดีไม่ร้อนและไม่หนาว
 

 

 
บรรยากาศรอบๆ วัด ที่ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เชียงรายเราคงไม่พลาดที่จะแวะไปเที่ยวอีกครั้งแน่นอน
 ใครไปเที่ยวเชียงรายก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะค่ะ 

 

สำหรับทริป จิบกาแฟแชร์รอยยิ้มของเราก็หมดทริปแค่นี้ 

 

 

 
และสุดท้ายกับ เรื่องของกาแฟ กับ สครับกาแฟ และสบู่กาแฟ ซึ่ง สครับกาแฟนั้น เป็นสครับที่ผลิตมาจาก กากกาแฟ 
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีจำหน่ายที่ไหน

 

หากใครสนใจอยากจะได้สครับกาแฟไปลองใช้ดู ก็ลอง เข้าไปสอบถามกันดูเอาเองนะค่ะ
 
Smiley

 

ขอบคุณที่รับชมรีวิวค่ะ ขอให้มีความสุข สมหวัง กันถ้วนหน้าค่ะ